วิจารณ์ผลิตภัณฑ์

 


แผนที่

 


ประโยชน์ของน้ำมันชนิดต่างๆ

 


ประโยชน์ของวิตามินต่างๆ

 


ผลการวิจัยน้ำมันชนิดต่างๆ

 


การสระผม
เพื่อถนอมเส้นผม

 


การดูโหงวเฮ้งเส้นผม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


              

 INGREDIENT

      คุณสมบัติวัตถุดิบต่างๆ (INGREDIENT BENEFIT)

     1. น้ำมันพื้นฐาน (Base Oils)

     2. น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)

     3. วิตามิน (Vitamins)

 

1. น้ำมันพื้นฐาน (Base Oils)

นักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผมที่เยี่ยมยอดได้นั้น ขึ้นอยู่กับการเลือก น้ำมันพื้นฐาน (Base Oils) และ เนย (Butters) ที่ใช้ปรุงทำเป็นสูตรชนิดต่างๆ น้ำมันและเนยต่างๆ มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกัน มีการทดลองมากมายเกิดขึ้นเพราะการหาส่วนผสมที่ลงตัวของน้ำมันและเนยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

Almonds

(Sweet) Almond Oil สวีท อัลมอนด์ ออยล์ (prunus dulcis) บีบเย็นจากเมล็ดแห้ง ของต้นอัลมอนด์ เพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิว ดูดซึมง่าย ทำให้ผิวนุ่มลื่น ไม่เหนียวเนอะหนะ  มีกรดไขมันจำเป็น วิตามินเอ บีหนึ่ง บีสอง บีหก และอี บรรเทาความแห้งกร้าน การคัน ในการบำรุงผม จะช่วยปรับสภาพ บำรุงและทำให้ผมนุ่ม


Aloe

Aloe Vera Butter อโลเวร่า บัทเตอร์ สกัดจาก ว่านหางจรเข้ ในน้ำมันมะพร้าว ทำให้ใช้เหมือนกับบัทเตอร์ ได้ โดยจะ ละลายเมื่อสำผัสกับผิว ดีเยียมเมื่อใช้รักษาอาการผิวแห้ง โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคหน้าแดง ผิวไหม้จากแสงแดด นี่คือผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นที่เยี่ยมยอดและยังมีคุณสมบัติรักษาอีกด้วย


Apricots

Apricot Kernel Oil น้ำมันแมล็ดแอปริคอท น้ำมันบางเบา อุดมไปด้วย วิตามินเอ ดี และ อี และ โอเลอิค และกรดโอเลอิค ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมชาบง่าย ยังใช้นวดได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผิวผู้ใหญ่ และผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ในการบำรุงผมจะช่วยปรับสภาพ บำรุง และทำให้ผมนุ่ม


Argan Nut

Argan Oil อาร์แกน ออยล์ ผลิตจากเมล็ดของต้น Moroccan argan tree เด่นในเรื่องการปรับปรุงสภาพผิว มีวิตามินอี, สควาลีนธรรมชาติ, ไฟโตสเตอรอล, และ กรดไขมันจำเป็น ช่วยลดริ้วรอย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ผิวหนัง, ซีบรัม ช่วยลดการเกิดสิว และมีปริมาณแอนติออกซิแดนซ์มาก เพื่อต้านอนุมูลอิสระ  มีส่วนช่วยเพิ่มการเก็บกักน้ำในผิว เพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้ผิวกระชับ นุ่ม ในการบำรุงผม ซึมซับบำรุงได้ลึก เพิ่มสารอาหาร และ ทำให้ผมนุ่ม สลวย  นอกจากนี้ยังช่วยในการเติบโตของเส้นผม และป้องกันอันตรายต่อเส้นผมระหว่างผมร่วง


Avocado

Avocado Oil อะโวคาโด ออยล์ (Persea gratissima) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากส่วนที่เป็นเนื้อของผลอะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินเอ  ดี และ อี แทรกซึมลึกด้วยมีสารอาหาร วิตามิน เอ บี1 บี2 อี กรดแพนโธเทนิค เลซิติน และ กรดไขมัน ดีสำหรับผิว หยาบกระด้างและผิวผู้ใหญ่ ในการบำรุงผม ช่วยฟื้นฟู ผมชี้ฟู ผมแห้ง และผมแตกปลาย


Babassu Tree

Babassu Oil บาบาสสุ ออยล์ (Orbignya oleifera) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากเมล็ด ของผล บาบาสสุ บาซิลเลียน พื้นเมือง ถูกใช้หลายชั่วอายุคนโดยวัตนธรรมชนพื้นเมืองของ อเมริกาใต้ โดยใช้เป็น มอยเจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติ ซึมซาบเร็ว น้ำมันมีสาร emollients ตามธรรมชาติสูง  ดีสำหรับ โรคผิวหนังอักเสบ คัน ผิวแห้ง เป็นผื่น ในการบำรุงผม ช่วยทำให้ชุ่มชื้น ฟื้นฟูความแข็งแรง เป็นประกายเงางาม ดูสุขภาพดี

 

Beeswax

Beeswax บี แว๊กซ์(Cera alba) ผลิตจากผึ้งงานตัวเมีย ปั้นขี้ผึ้งลงในช่อง6เหลี่ยม ที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งและจากนั้นคลุมปิดด้วยขี้ผึ้งอีกที เมื่อน้ำผึ้งถูกใช้ ชั้นบนสุดของขี้ผึ้งที่ปกคลุมช่องเรียกว่า capping ถูกเอาออกไป ขี้ผึ้งที่ไม่ผ่านกระบวนการของเรา มี Propolis ในหลายๆ สีจากเหลืองไปถึงน้ำตาล คงไว้ซึ่งกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง บีแว๊กซ์โฟม บางเบาปกป้องผิวจากการเสียความชุ่มชี้นและช่วยเก็บกักน้ำมันและบัทเตอร์ โดยไม่อุดตันรูขุมขน ในการดูแลเส้นผม บีแว๊กซ์มีความชุ่มชี้น ช่วยเก็บกักน้ำ ทำให้ผมนุ่ม เงางาม


Borage 

Borage Oil โบราจ ออยล์ (Borago officinalis) บีบจากเมล็ดต้นโบราจ มี กรดไขมันโอเมก้า6 เข้มข้นสูงสุด แกมม่าไลโนเลนิค(GLA) ตามธรรมชาติ สูงกว่าในบรรดาพืชจากแหล่งอื่น โบราจ ออยล์ ฟื้นฟูความชุ่มชื้น และนำให้ผิวลื่น จากผิวที่แห้งเสีย และ บรรเทาอาการ โรคผิวหนังร้ายแรง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

 

Canola Flower

Canola Oil คาโนล่า ออยล์ (Brassica napus canola) เป็นน้ำมันเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวสุขภาพดี  มีสารอาหาร ช่วยปรับสภาพ แทรกซึมดี เหมาะสำหรับผิวทุกประเภท มีกรดไขมันจำเป็นสูง ช่วยป้องกันการเสียความชุ่มชื้น ปรับสภาพและทำให้ผิวนุ่ม เราใช้ Non-GMO หรือ น้ำมัน ออแกนิค คาโนล่า ในการดูแลเส้นผม คาโนล่าแทรกซึมเข้าไปช่วยทำให้ผมแข็งแรง นุ่มขึ้น เงางาม บำรุงผมเสีย เพิ่มชั้นปกป้องเส้นผม


Carnuba Tree

Carnauba Wax คานูบา แว๊กซ์ (Copernica cerifera) เป็นขี้ผึ้งที่หนาที่ได้จากพืช โดยได้จากใบของต้น บาซิลเลียน ปาล์ม ทรี ในช่วงหน้าร้อนและแห้งแล้ง แว๊กซ์จะซึมออกจากใบเพื่อเก็บรักษาความชื้น ใบที่มีแว๊กซ์เคลือบจะถูกเก็บเกี่ยว (ไม่เกิน 20ใบต่อหนึ่งต้นเพื่อมั่นใจว่า ต้นจะไม่ได้รับอันตราย) ตัด แล้วนำมาตากแห้ง และนวดเอาแว๊กซ์ออกมา เป็นอีกทางเลือกนอกจากขี้ผึ้ง สำหรับผู้ไม่ต้องการผลิตภัณฑ์จากสัตว์


Carrots

Carrot Root Oil แคร็อท รูท ออยล์ น้ำมันสีทองได้จาก การแช่แคร็อท ไม่เหมือนกับ แคร็อท ซีด แอดเซ็นเชียล ออยล์ เราใช้ แคร็อท รูท ออยล์ของเราเอง มีเบต้าแคโรทีนสูง ที่จำเป็นสำหรับผิวผู้ใหญ่ ผิวแพ้ง่าย และผิวเสียจากแสงแดด และภาวะผิวหนังอักเสบ ในการดูแลเส้นผม จะช่วยในเรื่องสมดุลของความชุ่มชื้น และช่วยปรับสภาพเส้นผม


Castor Bean

Castor Bean Oil น้ำมันเมล็ด ละหุ่ง (Ricinus communis) หรือรู้จักในชื่อ palma Christi oil สกัดโดยวิธี expeller pressed จากต้นเมล็ดละหุ่ง เต็มไปด้วยกรดไขมัน น้ำมันที่ลื่นชนิดนี้ซึมอย่างรวดเร็วเข้าสู่ผิว เพิ่มความชุ่มชื้นโดยทำงานคล้ายสารที่ดูดความชื้นเข้ามาและเก็บความชื้นไว้ในผิว น้ำมันเมล็ดละหุ่ง เพื่มความนุ่มและอ่อนโยน ในสบู่ และปรับสภาพ มีฟองนุ่ม ในการดูแลเส้นผม จะใช้เป็นครีมนวดผมและ น้ำมันร้อนสำหรับการรักษาผมเปราะบาง ผมเสีย ผมร่วง น้ำมันจะช่วยเคลือบเส้นผม ทำให้ผิวชั้นนอกเรียบ และเก็บความชุ่มชื้นไว้ ทำให้รู้สึกเบาสบาย


Cocoa Bean 

Cocoa Butter โกโก้ บัทเตอร์ (Theobroma cacao) ครีมสีเหลืองได้มาจากเมล็ดต้นโกโก้ มีกลิ่นโกโก้ชัดเจน โกโก้บัทเตอร์ ดีสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้นทั่วร่างกาย ทำงานคล้าย emollient(ทำให้ผิวนวลนุ่ม) เพิ่มชั้นปกป้องเก็บล็อความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวนุ่มลื่น ผิวแห้ง ผิวผื่นคัน เป็น emollient ธรรมชาติ ด้วยคุณลักษณะเพิ่มความชุ่มชื้น และ แอนตี้ออกซิแดนซ์ ทำให้ดีต่อผิวแห้งมาก โกโก้บัทเตอร์ มักพบในผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและแผลเป็น ในสบู่ ช่วยให้เป็นก้อนแข็ง เพิ่มความชุ่มชื้น ดีสำหรับผิวแห้งมาก ในการบำรุงผม สามารถดูดซึมรวดเร็วในเส้นผม และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น ช่วยปกป้อง และมีกลิ่นน่าทาน

 

Coconut Tree

Coconut Oil น้ำมันมะพร้าว (Cocos nucifera) ได้จากผลต้นมะพร้าว เพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี เมื่อทาบนผิว ไขมันธรรมชาติจะซึมลึกเข้าสู่เซลล์โดยง่าย ทำให้ผิวลื่น นิ่ม สุขภาพดี ดูอ่อนวัย น้ำมันให้คุณลักษณะสารทำความสะอาดให้สบู่และทำให้มีครีมฟองนุ่ม ฟองขนาดใหญ่ ในการดูแลผมใช้เป็นโทนิคเพื่อกระตุ้นหนังศีรษะ และส่งเสริมการงอกของเส้นผม


Coconut

Virgin Coconut Oil น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Cocos nucifera) บางเบา น้ำมันสกัดจากมะพร้าวสด ขูดจากเนื้อมะพร้าวสดและสกัดโดยวิธี expeller pressed เพื่อผลิตน้ำกะทิ น้ำกะทิถูกเหวี่ยงเพื่อแยกน้ำออกจากเนื้อ น้ำ และ น้ำมัน เพื่อให้ได้น้ำมันมะพร้าว ที่มีกลิ่นกะทิสด ในกระบวนการสกัดเย็นใช้เวลาหลายชั่วโมงในการผ่าลูกมะพร้าว และเก็บสารอาหาร เช่น squalene ธรรมชาติ และวิตามินอี เราได้รับการรับรองน้ำมันมะพร้าวออแกนิค


Evening Primrose

Evening Primrose Oil อิฟนิ่ง พริมโรส ออยล์ (Oenothera biennis) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากเมล็ดของดอก อิฟนิ่งพริมโรส มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เป็นแหล่งของกรดไขมัน รวมถึง กรดแกมม่าไลโนเลนิค(GLA) ทำให้ผิวสุขภาพดีโดยฟื้นฟูความชุ่มชื้นและช่วยคงความยืดหยุ่นให้ผิว อิฟนิ่งพริมโรส ยังใช้รักษาอาการเช่น โรคผิวหนังอักเสบ ยังเป็นน้ำมันที่ช่วยเรื่องผิวแห้ง ริ้วรอย ผิวแตก หรือใช้นวด


Grapevine

Grapeseed Oil น้ำมันเมล็ดองุ่น (Vitis vinifera) สกัดจากเมล็ดองุ่น เป็นน้ำมันชนิดบางเบา ที่ซึมลงสู่ผิวได้รวดเร็วไม่ทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ มีกรดไลโนเลนิคสูง(โอเมก้า6) สารเพิ่มความชุ่มชื้นในกรดไขมันมีความจำเป็นสำหรับผิวและเยื่อหุ้มเซลล์ น้ำมันเมล็ดองุ่นยังช่วยเสริมสุขภาพผมและถูกใช้ร่วมกับโจโจ้บา ออยล์ และน้ำมันสกัด ในการนวดป้องกันผมร่วง และยังช่วยให้ผมลื่นสำหรับคนผมชี้ฟู


Hempseeds

Hemp Seed Oil น้ำมันเมล็ดกัญชง (Cannabis sativa) ไม่เหมือนที่หลายๆ คนคาดเดา ว่าเหมือนกับต้น กัญชา มันไม่ใช่สารเสพติด น้ำมันเมล็ดกัญชง สกัดโดย expeller pressed จากเมล็ดเล็กๆ มีโปรตีน20-35%  เป็นแหล่งที่สูงที่สูงในโลกของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน มีกรดไขมันจำเป็นตามธรรมชาติ(EFA) มากกว่าน้ำมันสกัดจากพืชชนิดอื่น มีวิตามินอีสูง แทรกซึกเข้าสู่ผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นละมุนละไม ในการดูแลเส้นผม ช่วยให้ความเงางาม จัดทรงง่าย บรรเทาหนังศีรษะแห้ง และผมเสีย


Illipe

Illipe Butter อิลิปปิ บัทเตอร์ (Shorea stenoptera) ได้มาจากผลของต้น แมคนิฟิเซนต์ ที่โตในป่าของบอร์เนียว มาหลายร้อยปี ชนพื้นเมืองในเกาะใช้เนยนี้รักษาปัญหาผิวหนัง อิลิปปิ บัทเตอร์ คล้าย โกโก้ บัทเตอร์ เพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น หลายคนเชื่อว่าเป็นเนยที่บำรุงรักษาผิวที่ดีที่สุด


Jojoba

Jojoba Oil โจโจบา ออยล์(Buxus sinensis) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากเมล็ด โจโจบา ใช้บำรุงผิวและผม หลายร้อยปีมาแล้ว โจโจบา ออยล์ ออกเสียง “โฮ โฮ บา” ไม่ใช่น้ำมันแต่เป็น แว๊กซ์เหลว โครงสร้างคล้าย ซีบัม ในผิวคุณ ถูกลงความเห็นว่าเป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพที่สุด ซึมเข้าผิวง่าย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ใช้กับสิวได้ และดีสำหรับผิวผู้ใหญ่ ผิวมีริ้วรอย และอ่อนโยนเป็นพิเศษสำหรับผิวแพ้ง่าย ในการดูแลเส้นผม โจโจบา เพิ่มความเงางาม เพิ่มการงอก และทำให้หนังศีรษะและผมสุขภาพดี


Kokum Nuts

Kokum Butter โคคุม บัทเตอร์ (Garcinia indica) เนยราคาสูง ได้จากต้นไม้ในอินเดีย ไม่อุดตันรูขุมขน มีวิตามินอี และกรดไขมัน สูง ถูกใช้ในประเพณีในอินเดียเพื่อ ทำให้ผิวนุ่ม เพิ่มความยืดหยุ่น แก้ผิวแห้ง แตก หยาบ ด้าน ยังเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในครีมรักษาและ บอดี้ บัทเตอร์ เพราะความสามารถในการรักษาผิวแห้ง


Mango

Mango Butter แมงโก้ บัทเตอร์ (Mangifera indica) บัทเตอร์ ได้จากเม็ดมะม่วงของต้นมะม่วงมีกรดไขมันจำเป็น ที่ช่วยปรับสีผิว ความยืดหยุ่น เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดีสำหรับผิวทุกประเภท โดยเฉพาะผิวผู้ใหญ่ ผิวแห้ง ผิวเสียจากแดด บรรเทาการแห้งจากโรคผิวหนังอักเสบและโรคสะเก็ดเงิน ในการดูแลผม ทดแทนความชุ่มชื้น เพิ่มความนุ่ม ยืดหยุ่น เงางาม


Neem

Neem Oil น้ำมันสะเดา (Azadirachta indica) บีบเย็น จากผลของต้นสะเดา น้ำมันเพิ่มความชุ่มชื้น ใช้เป็นยาของวัฒนธรรม อินเดียน ฮารัปปา 4500 ปีมาแล้ว รู้จักกันในชื่อ หมู่บ้านยา ในอินเดียสะเดา มีบทบาทสำคัญในตำรายา อายุรเวท ใช้ต้านการอักเสบ ต้านไวรัส และแบคทีเรีย ผลสะเดามีสารที่มีกลิ่นกระเทียม ที่ใช้รักษา สิว โรคสะเก็ดเงิน ผิวอักเสบ ผิวแพ้ง่าย ในการบำรุงผม ใช้แก้อาหารคัน หนังศีรษะระคายเคือง


Olives

Olive Oil น้ำมันมะกอก (Olea europea) ได้จาก การบีบเย็น มะกอก ดึงดูดความชุ่มชื้นภายนอก ดึงความชุ่มชื้นสู่ผิว สร้างชั้นฟิล์มเพื่อป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นภายใน จากการที่ส่วนประกอบของน้ำมันมะกอกคล้ายผิวหนังของมนุษย์มาก จึงไม่ทำให้เกิดการแพ้ ไม่ปิดกั้นการทำงานของผิว เชื่อกันว่าสามารถรักษาและทำให้ผิวนุ่ม ดูอ่อนเยาว์ ในการดูแลผม ใช้มาหลายร้อยปี ในการใช้รักษาด้วยน้ำมันร้อน ช่วยผมแตกปลาย ควบคุมรังแค เงางาม


Olive squalane น้ำมันมะกอก สควาเลน ไขมันพืชที่คล้าย สควาเลนที่ผลิตจากต่อมไขมัน มะกอกมีสควาเลนในเปอร์เซนต์ที่มากที่สุดในกลุ่มผัก ผิวคนผลิตสความเลนเพื่อความนุ่มลื่น สควาเลนจะเพิ่มในวัยรุ่น เมื่อเพิ่มขึ้นถึง 15% ของไขมันผิวหนัง มีมากตอนอายุ25 เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายผลิตสควาเลนได้น้อยลง เมื่ออายุ50 ปี ต่ำเหลือ 5% น้ำมันมะกอก สควาเลน มี emollient เฉพาะ ได้จาก น้ำมันมะกอก สควาเลนธรรมชาติ ที่ซึมลึกสู่ผิว เชื่อว่าช่วยในการเติบโตของเซลล์ ช่วยเรื่องผิวแห้ง หยาบ ระคายเคือง และมักพบในผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย เมื่อไม่นานสควาเลนที่ใช้ในเครื่องสำอางผลิต ได้จากตับปลาฉลาม สควาเลนยังพบจำนวนไม่มากนักใน น้ำมันจมูกข้าวสาลีและ น้ำมันรำข้าว

 

Palm Tree

Palm Oil น้ำมันปาล์ม (Elaeis guineensis) ผลิตจากผลสดจำนวนนึง ของต้นปาล์ม ใช้ทำสบู่แข็งที่ชำระล้างได้ดีเมื่อผสมกับน้ำมันอื่นเช่น น้ำมันมะพร้าวและมะกอก ให้ความแข็งและฟองนุ่ม น้ำมันปาล์มใช้ได้หลากหลาย และในสบู่หรู เราใช้น้ำมันปาล์มที่รับรอง ออแกนิค และมีความยั่งยืน


Palm Fruit

Palm Oil Virgin น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (Elaeis guineensis) มีสีส้มจากเบต้าแคโรทีน ปริมาณมากถึง 15เท่ามากกว่าที่พบในแครอท มีวิตามินเอและอี เด่นในการปกป้อง เป็นสารอาหารผิว และคงไว้ซึ่งผิวสุขภาพดี สารอาหารช่วยลดการเกิดริ้วรอย รักษาสิว บรรเทาโรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ ต่อสู้รอยตีนกาและริ้วรอย ในการดูแลผม ช่วยปรับสภาพและ ดีสำหรับผมแห้ง ผมร่วง


Pomegranate 

Pomegranate Seed Oil น้ำมันเมล็ดทับทิบ (Punica granatum)  เต็มไปด้วยสารแอนติออกซิแดนซ์ระดับสูง ช่วยสู้กับอนุมูลอิสระ และริ้วรอย ช่วยรักษา ป้องกัน ผิวแห้ง แตก แพ้ง่าย ฟื้นฟูผิวหยาบ หรือผิวผู้ใหญ่ ช่วยเรื่องริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่น  บรรเทาการระคายเคืองเล็กน้อย รวมทั้งผิวแห้ง โรคผิวอักเสบ สะเก็ดเงิน ผิวไหม้แดด น้ำมันเมล็ดทับทิบมีราคาสูง ใช้มากกว่า 200 ปอนด์ ของผลสด เพื่อผลิตน้ำมัน1 ปอนด์

 

Pumpkin Seeds

Pumpkin Seed Oil น้ำมันเมล็ดฟักทอง (Cucurbita pepo) สกัดจาก ฟักทอง สไตเรียน ที่เมล็ดสีเขียวเข้ม ไม่มีเปลือกง่ายต่อการผลิตน้ำมัน เราใช้ น้ำมันฟักทองบริสุทธิ์ บีบเย็นจากเมล็ดที่มีสีเขียวเข้มธรรมชาติและมีกลิ่นหอมของเมล็ด น้ำมันที่เต็มไปด้วย emollient มีโปรตีนจากพืช ยังมี ไฟโตสเตอรอล ที่มีคุณค่า มี แกมม่า โทโคฟีรอล สูง จากวิตามินอี-สารแอนติออกซิแดนซ์ คุณภาพสูง มีกรดไขมันจำเป็น ที่คุมการผลิตซีบัม สำหรับทุกสภาพผิว ช่วยลดริ้วรอย ผิวแห้งกราน มีประโยชน์ต่อโรคผิวหนังอักเสบและ สะเก็ดเงิน


Rice

Rice Bran Oil น้ำมันรำข้าว(Oryza sativa) มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ใช้มานานในญี่ปุ่นเพื่อปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว มีแกมม่า โอลีซานอล มีสควาเลนธรรมชาติและ แอนตี้ออกซิแดนซ์ เหมาะกับผิวผู้ใหญ่ ผิวบาง ผิวแพ้ง่าย ในการดูแลผม เพิ่มความเงางาม และจัดทรงง่าย เพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสภาพผม ไม่น้ำให้เสียน้ำหนัก มีโปรตีนที่ช่วยให้ผมแข็งแรง


Rosehips

Rosehip Oil โรสฮิป ออยล์(Rosa rubiginosa) ใช้มาหลายร้อยปี ในการรักษาแผล และการอักเสบ โรสฮิป คือเมล็ดที่ได้หลังจากกลีกดอกร่วง กรดโรติโนอิค พบในวิตามินเอ ช่วยลดริ้วรอย ในขณะที่ แอนตี้ออกซิแดนซ์ และกรดไขมันโอเมก้า ช่วยป้องกันเซลล์ ซึมซับรวดเร็วในผิวแห้ง ที่ต้องการความชุ่มชื้นและ ชะลอการเกิดริ้วรอย เมื่อใช้เป็นยา ช่วยรักษาโรคเรื้อนกวาง โรคผิวแดง โรคผิวหนัง ผิวไหม้ ช่วยให้รอยดำจางลง ใช้ดีกับรอยสิวและแผลผ่าตัด

 

Seabuckthorn

Seabuckthorn Oil ซีบัคธอร์น ออยล์ (Hippophae rhamnoides) ผลได้จากไม้พุ่มพื้นเมืองในยุโรป และเอเชีย โดยผลและเมล็ดจะถูกบีบ ส่งผลให้น้ำมันสีเข้มเต็มไปด้วยสารอาหาร มีวิตามินซีสูง โอเมก้า3 กรดปามมิโทเลนิค แอนตี้ออกซิแดนซ์ วิตามินบี และเบต้าแคโรทีน ช่วยเพื่มความยืดหยุ่น ซ่อมแซมผิวเสียและผิวแห้ง ปรับสภาพไขมันและต่อต้านริ้วรอย ต้านการอักเสบ ป้องกันการทำงานของเชื้อโรค ทำให้แผลหายเร็วและลดรอยแผลเป็น ส่งเสริมการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อ เมื่อใช้เป็นยาทา จะช่วยรักษาโรคเรื้อนกวาง โรคหน้าแดง ผิวไหม้ มีการอ้างว่า น้ำมันสามารถฆ่าไร demodex ได้ น้ำมันซีบัคธอร์นมีราคาสูงมาก 10ปอนด์ของผลใช้เพื่อผลิต น้ำมัน1ปอนด์

 

Sesame Seeds

Sesame Seed Oil น้ำมันงา(Sesame indicum) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากเมล็ดงา ช่วยบำรุงผิว มีวิตามินอีสูง วิตามินบี รวม และวิตามินเอ ช่วยในการบำรุงและทำให้ผิวอ่อนวัย ใช้ในการนวด และในยาอายุรเวท มีแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่เรียกว่า เซซามอล ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนสูงวัย และช่วยลดริ้วรอย

 

Shea Nut 

Shea Nut Butter เชียร์ นัท บัทเตอร์ (Butyrospermum parkii) รู้จักในชื่อ แอฟริกัน คาไรท์ บัทเตอร์ แสดงให้เห็นในการรักษาแผลและรอยแผลเป็น ไหม้ ผื่นแดง ผิวแห้งการระคายเคืองจากโรคเรื้อนกวางและสะเก็ดเงิน ซึมซาบลึก เพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุง มีสาร unsaponifiable fats ที่ไม่กลายเป็นสบู่ ให้ความชุ่มชื้นในสบู่ก้อน ในการดูแลผม บำรุงลึก และเพิ่มความชุ่มชื้น ในผมแห้ง หยาบ ส่งผลให้ผมเงางามจัดทรงง่าย ช่วยในการทำผมโดยความร้อน และช่วยให้ผมใหม่งอก


Shea Olein เชียร์ โอลีน (Butyrospermum parkii) เป็นเชียร์บัทเตอร์ เหลวที่แท้จริง ไม่ใช่สารละลายที่ได้จากเชียร์ออยล์ กรดไขมันที่เป็นที่รู้จักในเชียร์บัทเตอร์ ได้แก่ กรดสเตอริค และกรดโอเลอิค  สเตอริค จะแข็งเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง และ โอเลอิค(มีมากในน้ำมันมะกอก) จะเหลวเมื่ออยู่ที่อุณหภูมิห้อง ถ้ามีความเย็น หรือความร้อน โอเลอิค จะละลายก่อนและจะถูกแยกออกมา เชียร์บัทเตอร์แข็งจะผลิตออกมาได้มากกว่าเชียร์ ออยล์เหลว เชียร์เหลวจึงมีค่ามากกว่า กระบวนการแยกโดยไม่ใช้สารเคมีเป็นการแยกทางกายภาพง่ายๆ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีตกค้าง เชียร์โอลีน เป็นส่วนประกอบที่มีคุณค่าในเครื่องสำอาง เพราะมี unsaponifiables เป็นส่วนที่ใช้ในการรักษาผิว ซึมซาบเร็ว ดีสำหรับผิวแห้งและผมเสีย เชื่อว่ามีคุณสมบัติพิเศษในการบำรุง ปกป้อง และซ่อมแซม ซึ่งจะช่วยในเรื่องริ้วรอย การระคายเคือง ยังเป็นน้ำมันนวดที่ดี และทำให้ผมรู้สึกมีสุขภาพดีจัดทรงง่าย

 

Sunflower 

Sunflower Oil น้ำมันดอกทานตะวัน(Helianthus annuus) สกัดโดย expeller pressed จากเมล็ด มีกรดไขมันจำเป็น สูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูและ ปรับสภาพผิว ตัวน้ำมันดูดซึมได้ง่าย และใช้ได้กับทุกสภาพผิว มีวิตามินอีสูง แอนตี้ออกซิแดนซ์ธรรมชาติ จึงเหมาะสำหรับผิวบาง ผิวแห้ง หรือผิวผู้ใหญ่ เป็นที่รู้จักว่าเป็นน้ำมันจากผักที่เพิ่มความชุ่มชื้นมากตัวนึง ในการดูแลผม น้ำมันดอกทานตะวัน บำรุง และ ปกป้อง เพื่อผม นุ่มลื่น แข็งแรง สุขภาพดี และยังกล่าวว่าช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเส้นผม


Tamanu Seed

Tamanu Oil ทามานู ออยล์ (Calophyllum inophyllum) บีบเย็นจากเมล็ดของต้น ทามานู ใช้ใน ตาฮิติ มาหลายร้อยปีเพื่อรักษาแผลและผิวเสีย ความสามารถในการรักษาผิวที่ถูกทำลายถูกสาธิตในการศึกษาทางคลินิค ทามานู ออยล์ ทำให้ผิวแตกลาย จางจง ช่วยลดรอยแผลเป็น สร้างเนื้อเยื่อใหม่ และส่งเสริมการเกิดของผิวใหม่เพื่อรักษาอาการต่างๆ น้ำมันทามานูมีราคาสูง ใช้100กิโลกรัมของผล ทามานู เพื่อผลิตน้ำมัน5กิโลกรัม

 

Walnut 

Walnut Oil วอลนัท ออยล์ (Juglans nigra) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากผลวอลนัท มีส่วนเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี และมี emollient ที่ดี ซึบซาบเร็วเข้าสู่ผิวและทำหน้าที่สมานแผล กระตุ้นการไหลเวียน เชื่อว่า สามารถลดริ้วรอย มีพลังฟื้นฟู และช่วยปรับสีผิว จึงเหมาะสำหรับผิวเสีย และผิวผู้ใหญ่ วอลนัทดีในการบำรุงเส้นผม ช่วยปรับสภาพ พริ้วไหว นุ่มลื่น จัดทรงง่าย


Wheat 

Wheat Germ Oil น้ำมันจมูกข้าวสาลี (Triticum vulgare) สกัดโดยวิธี expeller pressed จากจมูกข้าวสาลี มีวิตามินและเกลือแร่ เราใช้น้ำมันรำข้าวบริสุทธิ์ มีวิตามินอีสูง และสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ตามธรรมชาติ ซึ่งเชื่อว่าช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น บำรุงเซลล์ผิว และป้องกันการเสียความชุ่มชื้น ผลคือ ผิวนุ่มขึ้น ดูอ่อนวัย ในการดูแลผม ช่วยให้หนังศีรษะนำออกซิเจนไปใช้ได้มากขึ้น ทำให้ดูมีสุขภาพดีและทำให้ผมนุ่ม

 

2. น้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)

  Angelica Root (ตังกุย)
Botanical Name : Angelica Archangelica
Origin : Hungary
คุณสมบัติ : ช่วยให้จิตใจเข้มแข็ง กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  Basil Sweet (โหระพา)
Botanical Name : Ocimum basilicum
Origin : ItalyNote
คุณสมบัติ : ใช้บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวติดเชื้อ ใช้ผสมน้ำมันนวดคลายกล้ามเนื้อ สูดดมบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน ช่วยให้นอนหลับง่าย ไม่ควรใช้เมื่อตั้งครรภ์
  Benzoin Siam (กำยานสยาม)
Botanical Name : Styrax tonkinesis
Origin : Cambodia
คุณสมบัติ : มีกลิ่นนุ่มหวานละมุน เหมาะสำหรับใช้ตรึงกลิ่นและมักใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำหอม เพราะช่วยให้กลิ่นคงตัว และเป็นสารกันเสียได้ดี
  Bergamot Calabrian (มะกรูดคาเลเบรียน)
Botanical Name : Citrus bergamia
Origin : Italy
คุณสมบัติ : กลิ่นหอมสดชื่นแนวฟรุ้ทตี้ ใช้บรรเทาผิวหนังที่เป็นสิว เหมาะสำหรับผิวมันและจุดด่างดำ บรรเทาอาการผิวติดเชื้อ และช่วยให้จิตใจแจ่มใส
  Black Papper (พริกไทยดำ)
Botanical Name : Pier Nigrum
Origin : India
คุณสมบัติ : มีกลิ่นฉุน อันเนื่องมาจากสาร Piperine - Piperaamine มีคุณสมบัติในการล้างพิษ ใช้สูดดมเพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวก
  Cajeput (เสม็ดขาว)
Botanical Name : Melaleuca Cajeputi
Origin : Indonesia
คุณสมบัติ : ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย บรรเทาอาการอักเสบ และการปวดจากแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ใช้ผสมน้ำมันนวดบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
  Cananga (กระดังงาไทย)
Botanical Name : Cananga Odorata
Origin : Indonesia
คุณสมบัติ : กลิ่นหอมเย้ายวน จึงมักใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอางค์และน้ำหอม ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ใช้นวดตัวจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
  Cananga (กระดังงาไทย)
Botanical Name : Cardamomum Linn
Origin : India
คุณสมบัติ : มีกลิ่นหอมฉุนคล้ายการบูร ช่วยกระตุ้นพลังงาน ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย แต่ข้อควรระวังคือ ทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวได้ง่าย
  Carot seed (เมล็ดแครอท)
Botanical Name : Daucus carota
Origin : France
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติทำความสะอาดและช่วยปรับสภาพผิว ใช้ผสมกับน้ำมันนวดช่วยบรรเทาผิวแห้ง เส้นเลือดฝอยแตกและรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้ผิวนุ่มและดูอ่อนเยาว์
  Cedarwood Atlas Morocco (ซีดาร์วูดแอทลาสโมรอคโค)
Botanical Name : Cedarus Atlantica
Origin : Morocco
คุณสมบัติ : กลิ่นคล้ายไม้จันหอม มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค กระตุ้นพลังงาน ลดความมันของหนังศีรษะและเส้นผม ขจัดรังแค ไม่ควรใช้เมื่อมีครรภ์
  Celery Seed (เมล็ดขึ้นฉ่ายฝรั่ง)
Botanical Name : Apium graveolens
Origin : India
คุณสมบัติ : ใช้เป็นส่วนผสมของการทำน้ำหอม เครื่องสำอางค์ สบู่ เครื่องดื่ม ใช้นวดช่วยบรรเทาโรคไขข้อ บรรเทาปวดกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลห
  Chamomile German Blue (คาร์โมมายด์เยอรมันบลูอียิปต์)
Botanical Name :Matricaria chamomilla
Origin : Egypt
คุณสมบัติ : มีสารสำคัญ คือ Chamazulene ลดการอักเสบของเหงือก เยื่อบุช่องปาก ผิวหนัง รักษาสิว แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ผดผื่น รักษาเส้นผม ลดความตึงเครียด
  Cinamon Bark (เปลือกอบเชย)
Botanical Name : Cinnamomum zeylanicum
Origin : France
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ แต่ไม่ควรใช้กับผิวหนังโดยตรง เพราะจะทำให้ระคายเคืองผิว ใช้สูดดมบรรเทาอาการไอ และโรคระบบทางเดินหายใจ
  Citronella (Thai) (ตะไคร้บ้านไทยหอม)
Botanical Name : Cymbopogon nardus
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : มักใช้ในการปรุงแต่งกลิ่นเครื่องหอมและเครื่องสำอางค์โดยตรง หรือใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตเครื่องหอมอื่นๆ ช่วยกระตุ้นพลังงาน ลดอาการซึมเศร้า มีสารไล่แมลง
  Clary Sage (แคลี่เซจฝรั่งเศส)
Botanical Name : Salvia sclaria
Origin : France
คุณสมบัติ : กลิ่นช่วยให้ลดความตึงเครียด ลดความมันของผม กระตุ้นการงอกของเส้นผม เสริมสร้างเซลล์ผิว ลดอาการวูบในวัยหมดประจำเดือน ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์
  Clementine (ส้มเคลเมนทาย)
Botanical Name : Citrus arvensis
Origin : Italy
คุณสมบัติ : เป็นพืชตระกูลซทรัส มีผลในการกระตุ้นพลังงาน ปรับสภาพจิตใจ บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ดี ผสมในน้ำมันนวดเพื่อขจัดเซลลูไลต์ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
  Clove bud (ดอกก้านพลู)
Botanical Name : Eugenia caryophyllata
Origin : India
คุณสมบัติ : ใช้แต่งกลิ่น ป้องกันการหืนของน้ำมันและไขมัน มีสารต้านอนมูลอิสระ บรรเทาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ช่วยให้รู้สึกอบอุ่น คลายความเหนื่อยล้า แต่ระคายเคืองผิวได้ง่าย
  Coriander (เมล็ดผักชี)
Botanical Name : Coriandrum sativum
Origin : Egypt
คุณสมบัติ : น้ำมันสีเหลืองอ่อน มีคุณสมบัติทำความสะอาดผิวให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ลดความกังวล
  Cumin (ยี่หร่า / เทียนขาว)
Botanical Name : Cuminum cyminum
Origin : Egypt
คุณสมบัติ : นิยมใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ ยาและน้ำหอมมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านเชื่อแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อโรคเมื่อใช้กับผิวหนัง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
  Cypress (ไซเพรส)
Botanical Name : Cupressus sempervirens
Origin : France
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค บรรเทาอาการปวด ให้ความรู้สึกอบอุ่น ปรับสภาพผมมัน ป้องกันรังแค ไม่ควรใช้ในระหว่างตั้งครรภ์
  Dill Seed (ผักชีลาว)
Botanical Name : Anethum graveolens
Origin : Hungary
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว ช่วยลดก๊าซในกระเพาะอาหาร
  Elemi (เอลมี)
Botanical Name : Canirum Luzonicum
Origin : France
คุณสมบัติ : เหมาะกับผิวเหี่ยวย่น ผิวเป็นแผล ผิวติดเชื้อ อักเสบ มีบาดแผล ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ใช้สูดดมบรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ
  Eucalyptus (ยูคาลิปตัสไทย)
Botanical Name : Euclyptus citratus
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : ช่วยให้หายในโล่ง ช่วยให้รู้สึกปลอดโปร่งและมีสมาธิ มีคุณสมบัติในการขจัดแบคทีเรีย ใช้นวดเพื่อช่วยให้สดชื่นและฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกาย เหมาะกับผิวธรรมดาถึงมัน
  Fennel Sweet (เทียนแกลบ)
Botanical Name :Foeniculum vulgare
Origin : Australia
คุณสมบัติ : ทำให้รู้สึกสงบ ใช้บรรเทาความเครียดและอาการหายใจติดขัด ใช้ผสมน้ำมันนวดช่วยให้ผิวกระชับและทำให้ผิวอ่อนวัย นวดท้องเพื่อบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  Frangipani Natural Compound (ลีลาวดี)
Botanical Name : Plumeria alba
Origin : India
คุณสมบัติ : ผสมน้ำมันนวดบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการท้องเสีย โรคผิวหนังอักเสบ ฟกช้ำ และสมานบาดแผล ไม่ควรใช้สำหรับผิวหนังที่แพ้ง่าย
  Frankincense (แฟรนคินเซ็นส์)
Botanical Name : Boswellia carterii
Origin : Ethiopia
คุณสมบัติ : รักษาผิวแห้ง ชะลอริ้วรอยก่อนวัย แผลเป็น บาดแผล และรอยเหี่ยวย่น บรรเทาปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ช่วยคลายกังวลและทำให้มีสมาธิ
  Galbanum (กัลบานัม)
Botanical Name : Ferula Galbaniflua
Origin : Iran
คุณสมบัติ : ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย การอักเสบ ใช้ได้ผิวที่เป็นสิว แผลเป็น ผิวเหี่ยวย่น ช่วยบำรุงผิวและทำให้ผิวนุ่ม ช่วยบรรเทาอาการปวด
  Geranium (เจอราเนียม)
Botanical Name : Palargonium graveolens
Origin : Egypt
คุณสมบัติ : ใช้บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวแห้ง หยาบกระด้าง ผิวติดเชื้อ ผิวไหม้แดด ปรับสภาพผิวมัน ผิวแก่เกินวัย ใช้นวดบรรเทาเส้นเลือดฝอยแตก เส้นเลือดขอด มีสารไล่แมลง
  Ginger (ขิง)
Botanical Name : Zingiber officinale
Origin : Indonesia
คุณสมบัติ : บรรเทาผิวเป็นสิว ใส่แผลฟกช้ำ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ แก้ทางเดินลมหายใจอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการงอกของเส้นผม ควรระวังสำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย
  Grapefruit (เกรฟฟรุท)
Botanical Name : Citrus paradisi
Origin : France
คุณสมบัติ : เป็นพืชตระกูลซิทรัส กระตุ้นพลักงาน ปรับสภาพจิตใจ บรรเทาอาการซึมเศร้าได้ดี ผสมในน้ำมันนวดเพื่อขจัดเซลลูไลต์ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  Immortelle / Helychrisum (อิมเมอร์เทล)
Botanical Name : Helichrysum augustitolia
Origin : Balkans
คุณสมบัติ : ใช้ในการบำรุงรักษาผิวหนังที่ติดเชื้อ อักเสบ เป็นแผล ใช้ผสมน้ำมันนวดบรรเทาอาการปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก ใช้สูดดม บรรเทาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจและปอด ช่วยในการผ่อนคลายจิตใจ
  Jasmin Sambac absolute (มะลิพันธุ์ซัมแบค)
Botanical Name : Jasminum sambac
Origin : India
คุณสมบัติ : เป็นดอกมะลิพันธุ์ของไทย มีกลิ่นหอมแรง ควรใช้ในปริมาณต่ำและสตรีมีครรภ์ห้ามใช้ ช่วยบำรุงผิวพรรณ์ เหมาะกับผิวบอบบางและผิวแห้ง
  Juniperberry Himalayan (จูนิเปอร์เบอร์รี่)
Botanical Name : Juniperus communis
Origin : India
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติทำความสะอาดผิว กลิ่นหอมสดชื่น ช่วยกระตุ้นให้รู้สึกสดชื่น กระตุ้นพลังงาน ผสมกับน้ำมันนวด บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อต่อ
  Kaffir Lime peel (ผิวมะกรูดไทย)
Botanical Name : Citrus hystrix
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : สกัดจากเปลือกหรือผิวของลูกมะกรูดไทย กลิ่นหอมสดชื่น ช่วยทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม นิ่มสลวย บรรเทาอาการคันที่หนังศีรษะ บรรเทารังแค เมื่อใช้ทาผิวควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
  Kaffir Lime Leaves (ใบมะกรูดไทย)
Botanical Name : Citrus hystrix
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : ใช้บรรเทาผิวหนังที่เป็นสิว เหมาะสำหรับผิวมันและจุดด่างดำ ช่วยรักษาแผลที่ติดเชื้อ สูดดมบรรเทาอาการหวัด บรรเทาอาการเครียด ทำให้จิตใจสดชื่น และมีสารไล่ยุง
  Lavandin, Grosso (ลาเวนดิน)
Botanical Name : Lavandula Hybrida
Origin : France
คุณสมบัติ : จะมีกลิ่นที่แตกต่างจากน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ แต่มีคุณสมบัติที่เหมือนกัน คือช่วยในการผ่อนคลาย บรรเทาอาการนอนไม่หลับ บรรเทาอาการปวด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  Lavender, angustifolia Premium (ลาเวนเดอร์)
Botanical Name : Lavandula angustifolia
Origin : Bulgaria
คุณสมบัติ : ช่วยในการผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ บรรเทาอาการปวด ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ใช้โดยตรงกับผิวหนังได้ค่อนข้างปลอดภัย ผู้ที่ความดันต่ำควรใช้อย่างระวัง
  Lemon (มะนาวฝรั่ง)
Botanical Name : Citrus limonum
Origin : Italy
คุณสมบัติ : บรรเทาผิวเป็นสิว เหมาะกับผิวมัน ช่วยให้ผิวหายหมองคล้ำ ป้องกันและขจัดรังแค ปรับสภาพหนังศีรษะมัน ใช้ผสมกับน้ำมันนวดลดเซลลูไลต์ และบรรเทาโรคข้ออักเสบ
  Lemongrass (ตะไคร้บ้านไทย)
Botanical Name : Cymbopogon citratus
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : บรรเทาผิวเป็นสิว ปรับสมดุลผิวมัน บรรเทาแผลอักเสบ ใช้ผสมน้ำมันนวดคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ สูดดมบรรเทาอาการปวดศีรษะ ให้ความสดชื่นและกระตุ้นพลังงาน
  Lime (มะนาวไทย)
Botanical Name : Citrus anrantifolia
Origin : Italy
คุณสมบัติ : มะนาวไทยมีสรรพคุณใกล้เคียงกับมะนาวฝรั่ง บรรเทาหวัด เหมาะกับผิวมัน ใช้ผสมน้ำมันนวด นวดกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ช่วยให้สดชื่น
  Mandarin cold press (ส้มแมนดาริน)
Botanical Name : Citrus madurensis
Origin : Italy
คุณสมบัติ : บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวหม่นหมอง ปรับสภาพผิวมัน หนังศีรษะมัน แผลเป็นและเนื้อลาย จุดด่างดำ ผิวเหี่ยวย่นและชะลอความแก่ ช่วยให้หลับง่าย คลายกังวล
  Marjoram (มาร์โจแรม)
Botanical Name : Origanum majorana
Origin : Spain
คุณสมบัติ : มีกลิ่นหอม บรรเทาความเครียดและกังวล ใช้กระจายกลิ่นในอากาศ จะช่วยให้นอนหลับสบาย มีผลต่อความสงบ และการผ่อนคลายระบบประสาท
  May Chang (เมชาง)
Botanical Name : Litsea Cubeba
Origin : Australia
คุณสมบัติ : ช่วยในการปรับสภาพผิวมัน จุดด่างดำ ผิวเป็นสิว ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด กดดัน มีสารไล่แมลง
  Myrrh (เมอห์)
Botanical Name : Commiphora Myrrha
Origin : Africa
คุณสมบัติ : มักใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องหอม มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค ลดอาการอักเสบ ลดรอยเหี่ยวย่น ช่วยปรับสภาพผิวมัน ทำให้จิตใจสดชื่น เบิกบาน
  Neroli (ดอกส้ม)
Botanical Name :Citrus aurantium
Origin : Itary
คุณสมบัติ : เป็นน้ำมันที่มีราคาแพงชนิดหนึ่ง กลิ่นหอมเหมาะสำหรับผู้หญิง เพราะช่วยปรับสภาพอารมณ์และจิตใจในช่วงมีประจำเดือน
  Nutmeg (ลูกจันทร์เทศ)
Botanical Name : Myristica fragrans
Origin : India
คุณสมบัติ : น้ำมันหอมระเหยใส ไม่มีสี มีคุณสมบัติในการกระตุ้นจิตใจ บรรเทาอาการเมื่อยล้า ทำให้สงบ ระงับการปวด อย่าใช้ในปริมาณมาก เพราะจำให้มึนงง
  Orange Sweet (ส้ม)
Botanical Name : Citrus sinensis
Origin : Brazil
คุณสมบัติ : ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ ลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่น ช่วยขับสารพิษ ให้ความสดชื่น ช่วยให้นอนหลับและฟื้นฟูพลังงาน ช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อย
  Palmarosa (พัลมาโรซ่า)
Botanical Name : Cymbopogon martini
Origin : India
คุณสมบัติ : ฟื้นฟูอารมณ์ ช่วยให้สดชื่่น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดรอยเหี่ยวย่น บรรเทาผิวเป็นสิว บรรเทาอาการผมร่วง ใช้ผสมน้ำมันนวดบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ
  Patchouli (พิมเสนต้นอินโดนิเซีย)
Botanical Name : Pogostemon Cablin
Origin : Indonesia
คุณสมบัติ : มีกลิ่นค่อนข้างหนัก ใช้บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวแตก มีริ้วรอย สร้างเซลล์ผิว ช่วยขจัดรังแค บำรุงผม ช่วยต้านเชื้อราและแบคทีเรีย บรรเทาอาการเท้าเหม็น
  Peppermint (เปปเปอร์มินต์)
Botanical Name : Mentha piperita
Origin : USA
คุณสมบัติ : พืชตระกูลมินท์ กลิ่นสดชื่นทำให้รู้สึกระปี้กระเปร่า มีคุณสมบัติเด่นในการบรรเทาอาการปวดหัว แก้ผื่นคัน โรคผิวหนัง ลดการติดเชื้อ ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวด
  Petigrain (ใบส้มฝรั่ง)
Botanical Name : Citrus aurantium
Origin : Paraguay
คุณสมบัติ : ทำให้ผิวสะอาดสดชื่นและช่วยบรรเทาปัญหาผิวเป็นสิว ช่วยเกี่ยวกับปัญหาด้านอารมณ์ ความเครียด อาการซึมเศร้า ช่วยเสริมความจำ ทำให้สงบ เมื่อใช้กับผิวควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
  Pine (ไม้สน)
Botanical Name : Pinus pinaster
Origin : USA
คุณสมบัติ : ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ต้านเชื้อโรค ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย บรรเทาโรคในระบบทางเดินหายใจ ใช้ผสมกับน้ำมันนวดบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ข้ออักเสบ
  Pine Scotch (ไพน์สกอตช์)
Botanical Name : Pinus sylvestris
Origin : France
คุณสมบัติ : มีกลิ่นสดชื่น มีคุณสมบัติเด่นต่อระบบทางเดินหายใจ ใช้ได้ดีมากสำหรับผู้ที่เป็นหวัด ผสมน้ำมันนวดบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ เมื่อยล้าตามร่างกาย
  Plai (ไพล)
Botanical Name : Zingiber montanum
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : บรรเทาอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ใช้สูดดมเมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด
  Ravensara (ลาเวนซาร่า)
Botanical Name : Ravensara aromatica
Origin : Madacascar
คุณสมบัติ : บรรเทาปัญหาระบบหายใจ ไซนัส ไข้หวัด แผลในปาก ช่วยให้ผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับง่าย ใช้ผสมน้ำมันนวดบรรเทาอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และช่วยบรรเทาอาการเท้าเหม็น
  Rosalina (โลซาลิน่า)
Botanical Name : Melaleuca ericifolia
Origin : Australia
คุณสมบัติ : มีสารประกอบหลัก คือ Linalool ซึ่งเป็นตัวยาฆ่าเชื้อ ยาระงับการชักเกร็งและชักกระตุกของกล้ามเนื้อ ช่วยระบบหายใจที่ติดเชื้อติดขัดในเด็ก ใช้เป็นยาขับเสมหะ ช่วยให้ผ่อนคลาย
  Rose Centifolia (กุหลาบพันธ์เซนทิโฟเลีย)
Botanical Name : Rosa Centifolia
Origin : Morocco
คุณสมบัติ : น้ำมันหอมกุหลาบช่วยทำให้ฮอร์โมนสมดุล ช่วยสร้างบรรยากาศด้านความรู้สึกผู้หญิง บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวอักเสบ บำรุงผิวที่เหี่ยวย่น ควรหลีกเลี่ยงการใช้เมื่อตั้งครรภ์
  Rosemary (โรสแมรี่)
Botanical Name : Rosemarinus officinalis
Origin : Tunisia
คุณสมบัติ : ใช้บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวมัน ผิวหม่นหมอง กระตุ้นการงอกของเส้นผม ป้องกันและขจัดรังแค สูดดมบรรเทาอาการปวดศีรษะ นวดบรรเทาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ลดเซลลูไลต์ ความดันสูงควรระวัง
  Rosewood (โรสวูด)
Botanical Name : Aniba rosaeodora
Origin : Brazil
คุณสมบัติ : บรรเทาผิวเป็นสิว ผิวเหี่ยวย่น ชะลอความแก่ เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ปรับสภาพผิวมัน หนังศีรษะมัน แผลเป็น เนื้อลายและช่วยรักษาบาดแผล
  Sage Spanish (เสจ สเปนนิช)
Botanical Name : Salvia lavandulifolia
Origin : Spain
คุณสมบัติ : มีคุณสมบัติกระตุ้นพลังงาน ควบคุมรอบเดือน ฆ่าเชื้อโรค เพิ่มความดันโลหิต ห้ามใช้กับผู้ป่วยเป็นโรคลมชัก
  Sandalwood Australia (ไม้จันหอม)
Botanical Name : Santalum album/spicata
Origin : Australia
คุณสมบัติ : มีความสำคัญในการผลิตเครื่องหอม เนื่องจากเป็นตัวตรึงกลิ่นที่ดี กลิ่นมีความคงทน เหมาะกับผิวแห้งแตกเป็นสิว ช่วยบำรุงผิว บรรเทาอาการคันและการติดเชื้อในแผลที่อักเสบ
  Spearmint (สเปียรมินท์)
Botanical Name : Mentha spicata
Origin : USA
คุณสมบัติ : เป็นพืชตระกูลมิ้นท์ คุณสมบัติเด่นในการบรรเทาอาการปวดศีรษะ แก้ไอ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เหมาะกับการสูดดมมากกว่าทาบนผิว ทำให้สดชื่น กระปรี้ประเปร่า ลดความตึงเครียด
  Tangerine (ส้มเขียวหวาน)
Botanical Name : Citrus reticulata
Origin : USA
คุณสมบัติ : น้ำมันสีเหลืองใส กลิ่นสดชื่นมีชีวิตชีวา บรรเทาความเครียดและอาการนอนไม่หลับ เป็นกลิ่นที่ปลอดภัย ใช้กระจายกลิ่นเพื่อเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ในห้องของเด็กได้
  Tea tree (ทีทรี)
Botanical Name : Melaleuca alternifolia
Origin : Australia
คุณสมบัติ : ใช้กับผิวที่มีปัญหาสิว ฝ้า น้ำกัดเท้า แผลไฟไหม้ ผื่นคัน แมลงกัดต่อย แผลติดเชื้อ ลดความมันบนผิวหนัง
  Thyme (ไทม์)
Botanical Name : Thymus vulgaris
Origin : France
คุณสมบัติ : สร้างความสมดุลของร่างกาย ใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ผิวผื่นคัน สิว ผิวอักเสบ ผสมน้ำมันนวดแก้ปวดเมื่อย ปวดบวมตามข้อ ใช้สูดดมบรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ
  Turmeric (ขมิ้น)
Botanical Name : Thymus vulgaris
Origin : France
คุณสมบัติ : ขมิ้นมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา บรรเทาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อนและแมลงกัดต่อย ห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์และระหว่างให้นมบุตร
  Vanilla Oleorasin (วนิลลา)
Botanical Name : Vanilla planitifolia
Origin : Madacasca
คุณสมบัติ : เป็นตัวกระตุ้นให้ความรู้สึกอบอุ่น ทำให้สงบและผ่อนคลาย ใช้กระจายกลิ่นเพื่อบรรเทาอาการเครียด
  Ylang Ylang (กระดังงา)
Botanical Name : Cananga Odorata
Origin : France
คุณสมบัติ : มีกลิ่นเย้ายวน ใช้แต่งกลิ่นเครื่องสำอางค์ ใช้เป็นสารคงตัวในน้ำหอม ให้ความรู้สึกอ่อนโยนเมื่อใช้นวดตัว ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
  Vetiver (แฝกหอม)
Botanical Name : Vetiveria zizanoides
Origin : Thailand
คุณสมบัติ : แฝกหอมของไทยมีกลิ่นหอมที่สุดในโลก นิยมนำไปใช้ในการผลิตน้ำหอมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะเป็นตัวตรึงที่สำคัญของสารที่ให้ความหอมอื่น ใช้ได้กับผู้มีปัญหาผิวมัน ปวดกล้ามเนื้อ

3. วิตามิน (Vitamins)

ความจริงแล้วร่างกายของคนเราต้องการวิตามินเพียงวันละเล็กน้อย ไม่ได้มากมายอะไร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราสามารถจะขาดวิตามินได้ เพราะเราไม่กินอาหารที่มีวิตามินชนิดใดเข้าไป ก็อาจทำให้เราเป็นโรคต่างๆ ตามมาได้ เนื่องจากวิตามินเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

นอกจากในเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันโรคแล้ว วิตามินยังมีหน้าที่อย่างอื่นด้วย อย่างเช่น มีหน้าที่ในการสร้างเม็ดเลือดแดง สร้างกระดูก ช่วยในเรื่องระบบการทำงานของระบบประสาท ช่วยในเรื่องของการสร้างการมองเห็นอีกด้วย

ปัจจุบันมีวิตามินหลายชนิดมาก แต่วิตามินเหล่านั้นก็แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

1. วิตามินที่ละลายในน้ำ
เป็นวิตามินที่ไม่มีการสะสมในร่างกาย เราจะต้องกินเข้าไปวันต่อวันและเป็นวิตามินที่เสื่อมสลายได้ง่าย หากว่าโดนความร้อน ดังนั้นหากว่าเราต้องการวิตามินชนิดที่ละลายน้ำ เราจะต้องกินสดๆ จึงจะได้คุณค่าทางอาหารและวิตามินอย่างครบครัน แต่วิตามินนี้ก็มีข้อดีตรงที่สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้ง่าย ซึ่งวิตามินที่ละลายในน้ำก็ได้แก่ วิตามินบีรวม ไบโอตินโคไลน์ อินโนซิทอล และวิตามินซี

2. วิตามินที่ละลายในน้ำมัน
วิตามินที่ละลายในน้ำมันนั้น เป็นวิตามินที่ค่อนข้างจะทนความร้อนได้ดี หากว่านำไปประกอบอาหาร วิตามินเหล่านี้ก็ยังคงเหลืออยู่ ซึ่งอาจหายไปบางส่วน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด วิตามินกลุ่มนี้ หากว่าเรากินเข้าไปมาก ก็สามารถสะสมในร่างกายมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ แต่ละวิตามินส่งผลเสียอย่างไรบ้าง ติดตามในรายละเอียดต่อไป วิตามินที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค

 

1) วิตามินเอ (Vitamin A) - โรคตา

วิตามินช่วยเรื่องลายตาม เพราะว่าวิตามินเอเป็นวิตามินที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงสายตา ซึ่งวิตามินเอเป็นวิตามินที่ช่วยรักษาโรคตาบอดในตอนกลางคืน ซึ่งอาการของคนที่ตาบอดก็คือ มองเห็นในที่มืดได้ลำบากกว่าคนทั่วไป

นอกจากจะช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืนแล้ว วิตามินเอยังช่วยในเรื่องของภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งหากว่าเราขาดวิตามินเอแล้วติดเชื้อมา อาการของเราก็จะร้ายแรงกว่าคนที่ได้รับวิตามินเอเพียงพอ นอกจากนี้ วิตามินเอยังช่วยในเรื่องของกระดูก อวัยวะสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของผิวหนัง ทั้งยังช่วยป้องกันและยับยั้งการกระจายของโรคมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย และที่สำคัญหากว่าเรากำลังตั้งครรภ์อยู่ เราห้ามขาดวิตามินเอเป็นอันขาด เพราะวิตามินเอเป็นวิตามินสำคัญที่เข้าไปช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของเด็กทารก

หากว่าร่างกายขาดวิตามินเอ จะเกิดผลกระทบต่อผิวหนังที่จะแห้งหยาบ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย และที่สำคัญก็คือ เกิดสภาวะตาบอดกลางคืนนั่นเอง และหากว่าร่างกายของเราขาดวิตามินเออย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะทำให้ตาบอดได้

ผลกระทบในส่วนที่ได้รับวิตามินเอเกินขนาด วิตามินเอเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ดังนั้นร่างกายของเราจึงมีการสะสมและหากว่ามีการสะสมมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดอาการอาเจียน ปวดศรีษะ สมองบวม หมดเรี่ยวแรง ปวดข้อ ท้องผูก ผิวหยาบ ตับและต่อมน้ำเหลืองโต ส่วนในหญิงมีครรภ์นั้น อาจจะร้ายแรงถึงขั้นพิการหรือเกิดความผิดปรกติของทางเดินปัสสาวะ หรือทำให้กระดูกผิดรูปร่าง

แต่อย่างไรก็ดีสำหรับคนทั่วไปนั้น อาการผิดปรกติของการรับวิตามินเอเกิดขนาดจะหมดไป เมื่อเราหยุดกินวิตามินเอมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่เราก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องเราจะกินวิตามินเอเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เพราะคนที่มีอาการของการได้รับวิตามินเอเกินขนาด จะเป็นเพราะกินอาหารเสริมประเภทวิตามินเอเข้าไป

ในอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ เราสามารถหาวิตามินเอได้จากตับ โดยเฉพาะตับปลา ผักสีเขียวเข้า เนยเหลว แคนตาลูป แครอต ผักโขม ฟักทอง เป็นต้น

ตามปรกติแล้วเราไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเอที่เป็นอาหารเสริม นอกจากเราอยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้

- โรคหัด
- โรคลำไส้
- มีอาการติดเชื้อ
- โรคตับอ่อน
- โรคตา
- ผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกบางส่วน
- ท้องร่วง

 

2. วิตามินบี 1 (Vitamin B1) - โรคเหน็บชา

วิตามินบี 1 เป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ มีหน้าที่เผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โดยจะช่วยเปลี่ยนน้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต -> น้ำตาล) เป็นพลังงาน และช่วยทำให้ร่างกายของเราสามารถนำพลังงานไปใช้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าวิตามินบี 1 ยังช่วยเรื่องของโรคท้องร่วง ความเหนื่อยล้า โรคผิวหนัง เส้นเลือดตีบแบบหลากหลาย ปัญหาทางจิตเวช เป็นต้น

หากว่าร่างกายขาดวิตามินบี 1 แน่นอนที่สุดก็จะเป็นโรคเหน็บชา ซึ่งจะมีผลทางด้านหัวใจ ระบบประสาท กระเพาะและลำไส้ ซึ่งอาการเบื้องต้นของคนที่ขาดวิตามินบี 1 ก็คือ จะมีอาการปวดศรีษะ เท้าหรือน่องบวม ท้องผูก รู้สึกอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรง ไม่อยากอาหาร เครียด ระบบประสาทรวน จำอะไรไม่ค่อยได้ หัวใจเต้นเร็ว

เราสามารถพบวิตามินบี 1 ได้จากธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง จมูกข้าวสาลี เมล็ดดอกทานตะวัน ถั่วชนิดต่างๆ เนื้อวัวไม่ติดมัน ตับ งา ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต รำข้าว เป็นต้น

มีคนบางกลุ่มต้องการวิตามินบี 1 มากกว่าคนปรกติ เพื่อไปเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งหากว่าเราเกิดภาวะเช่นนี้ขึ้น ก็ให้เรากินวิตามินบี 1 เพิ่มเติมมากขึ้น ซึ่งอาจจะกินจากอาหาร หรือว่ารับมาจากแคปซูนก็ได้ ซึ่งก็ได้แก่

- เป็นไข้หรือว่าเจ็บป่วยเรื้อรัง
- ท้องร่วงเรื้อรัง
- เป็นแผลถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก
- ติดเหล้า
- เครียดหรือมีปัญหาทางจิตเวช
- ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
- เป็นโรคตับ
- โรคลำไส้
- ผู้ใช้แรงงานมาก
- ผู้ป่วยที่ใช้ไตเทียม
- ผู้ที่ผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออก

 

3. วิตามินบี 2 (Vitamin B2) - โลหิตจาง

หน้าที่ของวิตามินบี 2 ที่สำคัญคือ ช่วยในระบบการย่อยอาหารและการเผาผลาญอาหารเป็นพลังงานในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในเรื่องการเจริญเติบโต โดยมีส่วนร่วมในการทำงานของเซลล์ ซึ่งหากว่าขาดวิตามิน 2 ไป เซลล์ก็อาจมีปัญหาในการทำงานได้

หากเราขาดวิตามินบี 2 หรือว่าได้รับในปริมาณที่น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ จะมีอาการคอบวม อ่อนเพลีย ผิวหนังมีอาการแตกและระคายเคือง มีอาการโรคโลหิตจาง ซึ่งโอกาสของคนที่ขาดวิตามินบี 2 นั้น มักจะอยู่ในกลุ่มของผู้สูงอายุ คนที่เจ็บป่วยเรื้อรัง ติดเหล้า และคนที่มีฐานะยากจน

เราสามารถพบวิตามินบี 2 ได้มากในอาหารจำพวก นม เนื้อ ไก่ ไข่ เนย ตับ จมูกข้าวสาลี ยีสต์ สาเก อัลมอนต์ ครีม ชีส มัสตาร์ดสีเขียว เกสรน้ำผึ้ง ลูกพรุน เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินบี 2 มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้ที่ให้นมบุตร
- คนที่กินยาคุมกำเนิด
- ผู้ที่สูบบุหรี่
- ผู้ที่เป็นโรคดีซ่าน
- ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดธาตุเหล็ก
- ผู้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต้อกระจก
- คนที่เป็นโรคบูลีเมีย
- มีความเสี่ยงที่จะเป็นมาลาเรีย
- เครียดจัด
- ปวดศรีษะไมเกรน
- มะเร็งหลอดอาหาร

 

4. วิตามินบี 3 (Vitamin B3) - เรื่องคอเลสเตอรอลในเลือด

วิตามินบี 3 ช่วยในเรื่องของการลดคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเหมาะกับคนที่สูงอายุแล้ว นอกจากนี้ ยังช่วยเรื่องรักษาสิว การต่อต้านริ้วรอยต่างๆ ป้องกันโรคมะเร็ง โรคต้อกระจก ระบบประสาทต่างๆ โรคนอนไม่หลับ ปวดประจำเดือน โรคตับ โรคทางจิตเวช โรคแผลในกระเพาะอาหาร อาการหน้ามืด วิงเวียน และอื่นๆ อีกมากมาย

หากว่าขาดวิตามินบี 3 แล้ว ร่างกายจะได้รับผลกระทบต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกียวกับทางเดินอาหาร การติดเชื้อ เกิดภาวะไทรอยด์กำเริบ ผิวหนังอักเสบ ท้องเสีย และมีอาการเกี่ยวกับประสาท หรือภาวะจิตใจ

อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 ได้แก่ ปลา นม ไข่ ยีสต์ เนื้อสัตว์ ผักสีเขียว ซีเรียล ธัญพืช ตับ ถั่วลิสง ปลาแซลมอน ปลาดาวลาว ปลาทูน่า ไก่งวง เนื้อลูกวัว เมล็ดดอกทานตะวัน ข้าวสาลี เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินบี 3 มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- กลุ่มคนที่มีคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูง
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ
- ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดแข็ง
- โรคไขข้ออักเสบ
- ผู้ที่เป็นไทรอยด์
- ผู้ที่สูบบุหรี่
- ผู้ที่ตั้งครรค์ หรือให้นมลูก

 

5. วิตามินบี 5 (Vitamin B5) - โรคมือเท้าชา

วิตามินบี 5 ช่วยในเรื่องการเผาผลาญสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ซึ่งก็เหมือนกับวิตามินบีรวมอื่นๆ ที่ช่วยแปรสภาพอาหารในร่างการให้กลายเป็นพลังงาน ซึ่งหากว่าเราขาดวิตามินตัวนี้ไป เราก็อาจจะต้องตามได้

นอกจากวิตามินบี 5 ช่วยเรื่องเผาผลาญแล้ว ยังช่วยเรื่องระบบประสาท โดยช่วยรักษาภาวะที่ประสาทถูกทำลาย หรือช่วยในเรื่องปัญหาด้านผิวหนัง การหายใจ ป้องกันผมหงอก ภูมิแพ้ โรคไขข้ออักเสบ ภาวะเป็นพิษจากการใช้ยา และช่วยในเรื่องของจิตใจด้วย

อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 5 ได้แก่ ข้าวโพด ไข่แดง ถั่วเมล็ดกลม ถั่วลิสง อโวคาโด เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยีสต์ จมูก ข้าวสาลี ปลาแซลมอน ถั่วเหลือง กุ้งมังกร ปลาซาร์ดีน เป็นต้น

แม้ว่าเราจะมีโอกาสขาดวิตามินบี 5 ตัวนี้ได้น้อย แต่ถ้าขาดแล้ว จะทำให้เรานอนไม่สนิท มือเท้าชา กล้ามเนื้อกระตุก และเป็นตะคิวได้ง่าย คลื่นไส้ ปวดหัว ไม่มีแรง ปวดกระเพาะ ท้องเดิน ซึ่งปัญหาการขาดวิตามินตัวนี้ มักจะเกิดกับผู้ที่ขาดอาหารอย่างต่อเนื่อง

 

6. วิตามินบี 6 (Vitamin B6) - โรคภูมิแพ้

วิตามินบี 6 ช่วยในเรื่องการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง การเจริญเติบโตของร่างกาย วิตามินบี 6 นี้จะช่วยย่อยอาหารประเภทโปรตีนที่เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ ยังเป็นวิตามินที่ช่วยเร่งการผลิตเฮโมโกลบิน เพื่อนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย ที่สำคัญสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ควรจะกินวิตามินบี 6 เข้าไปมากๆ เพราะเป็นวิตามินที่ช่วยทำให้อาการของโรคภูมิแพ้ทุเลาลงไป

หากขาดวิตามินบี 6 แล้ว จะทำให้เรามีอาการผิดปรกติทางระบบประสาท มีอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน มือเท้าชา ผิวหนังมีผื่นขึ้น และหากว่าขาดวิตามินนี้เป็นเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการชักได้ และที่สำคัญอาจจะทำให้กลายเป็นโรคโลหิตจางได้อีกด้วย

อาหารที่มีวิตามินบี 6 อยู่มาก ได้แก่ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เมล็ดพืชต่างๆ ปลา ไข่ ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอน รำข้าว ข้าวขาว ตับ รำข้าวสาลี ยีสต์ อโวคาโด กล้วย เฮเซลนัต ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เมล็ดดอกทานตะวัน เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินบี 6 มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่ฟอกไต
- ผู้ที่เป็นโรคตับ
- ผู้ที่ป่วยโรคหัวใจ
- ผู้ที่ท้องร่วง
- ผู้ที่มีแผลพุพองหรือน้ำร้อนลวก หรือถูกไฟไหม้
- ผู้ที่มีความเครียด
- ผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้
- ผู้ที่ติดเหล้า
- ต่อมไทลอยด์ทำงานมากกว่าปรกติ
- ทารกที่เลี้ยงด้วยนมข้นหวาน

 

7. วิตามินบี 9 (Vitamin B9) หรือกรดโฟลิค - โรคโลหิตจาง

วิตามินบี 9 เป็นวิตามินที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่ไม่มาก วิตามินบี 9 เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคู่ซี้กับวิตามินบี 12 เลยทีเดียว เพราะว่าทำงานด้วยกับบ่อยมาก ที่สำคัญก็คือ การสร้างเม็ดเลือดแดงที่ดีพร้อม นอกจากนี้ ยังจำเป็นสำหรับเรื่องการแบ่งเซลล์อีกด้วย

หากว่าเราขาดวิตามินบี 9 เราจะมีปัญหาเกี่ยวกับเลือด เพราะร่างกายของเราจะผลิตเม็ดเลือดแดงได้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะทำให้เป็นโรคโลหิตจางได้ นอกจากนี้ การขาดวิตามินบี 9 ในช่วงระยะสามเดือนแรกที่ตั้งครรภ์ ก็อาจจะมีผลต่อเด็กในท้อง ทำให้พัฒนาการผิดปรกติได้ ซึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าเรากำลังขาดวิตามินบี 9 ก็คือ หงุดหงิดง่าย ไม่มีแรง อ่อนล้าอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ หน้าไม่มีสี ดูซีดเซียว

อาหารที่มีวิตามินบี 9 อยู่มาก ได้แก่ เมล็ดทานตะวัน ธัญพืช ตับ เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินบี 9 มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
- ผู้ที่ติดเหล้า
- ผู้ที่เป็นโรคตับ
- ผู้ที่ต้องฟอกไต
- ผู้ที่ตั้งครรภ์
- ผู้ที่กินหรือใช้ยาคุมกำเนิด
- ผู้ที่มีปัญหาด้านลำไส้
- ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
- ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือด
- ผู้ที่เป็นไข้เรื้อรัง
- ผู้ที่เจ็บป่วยเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความเครียด
- ผู้ที่ตัดกระเพาะอาหารออกบางส่วน
- ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก
- ทารกที่ถูกเลี้ยงด้วยนมข้นหวาน

 

8. วิตามินบี 12 (Vitamin B12) - โรคระบบประสาทและสมอง

วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่ไม่สามารถหาในพืชได้ เพราะวิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่สร้างมาจากแบคทีเรียในสิ่งแวดล้อม ซึ่งในส่วนใหญ่แล้วก็อาศัยอยู่ในทางเดินอาหารของสัตว์ที่เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว หรือควายนั่นเอง

วิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่ทำงานร่วมกับวิตามินบี 9 หรือ กรดโฟลิก ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทำให้การสร้างเม็ดเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้น ยังช่วยในเรื่องการแบ่งตัวของเซลล์อีกด้วย ซึ่งการทำงานจะต้องควบคู่ไปกับวิตามินบี 9 ขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้

อาหารที่มีวิตามินบี 12 อยู่มาก ได้แก่ เนื้อวัว หอย เนื้อไก่ ไข่ นม นมถั่วเหลือง เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินบี 6 มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่กินมังสวิรัติ
- ผู้ที่ติดเหล้า
- ผู้ที่เป็นไข้เรื้อรัง
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องลำไส้
- ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
- ผู้ที่เป็นโรคตับ
- ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ
- ผู้ที่เป็นไทรอยด์
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อ
- ผู้ที่เป็นโรคไต
- ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิ
- ผู้ที่มีความผิดปรกติทางพันธุกรรม
- ผู้ที่เครียดเป็นเวลานาน

 

9. วิตามินซี (Vitamin C) - โรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน

วิตามินซีช่วยในเรื่องโรคหวัด โรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน และหน้าที่ที่สำคัญอีกประการของวิตามินซี ก็คือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยในเรื่องของเซลล์ต่างๆ เป็นตัวสมานแผลที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา

นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยเรื่องความเหนื่อยล้า ผ่อนคลายความเครียดที่เกิดขึ้นในร่างกาย และช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงไม่แตกง่ายอีกด้วย หน้าที่อีกประการหนึ่งของวิตามินซีก็คือ ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งหากว่าเราเป็นโรคโลหิตจางแบบที่ขาดธาตุเหล็ก การกินอาหารที่มีธาตุเหล็กกับวิตามินซีในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ก็จะช่วยลดอาการขาดธาตุเหล็กได้ สุดท้ายหน้าที่สำคัญของวิตามินซีก็คือ ป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายของเรา ทำให้เราไม่เป็นโรคหรือเกิดอาการติดเชื้อนั่นเอง

อาหารที่มีวิตามินซี อยู่มาก ได้แก่ ผักผลไม้ทั่วไป ลูกพลัม เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินซี มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่เป็นมะเร็ง
- ผู้ที่เป็นไข้มาระยะเวลานาน
- ผู้ที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่ติดเหล้า
- ผู้ที่เป็นโรคลำไส้
- ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ หรือต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
- ผู้ที่เป็นโรควัณโรค
- ผู้ที่เป็นโรคเครียด
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อ
- ผู้ที่สูบบุหรี่
- ผู้ที่ผ่านการผ่าตัด
- ผู้ที่ฟอกเลือดล้างไต
- ผู้ที่อยู่ในที่ที่อากาศหนาวเย็น
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีแผลไฟลวก หรือผิวหนังถูกทำลาย

 

10. วิตามินดี (Vitamin D) - โรคกระดูก

ร่างกายของเราสามารถสังเคราะห์วิตามินดีได้เอง เพียงแค่เราได้รับแสงแดดในช่วงก่อน 8 โมงเช้า ซึ่งหากว่าเราเป็นคนที่ตื่นเช้าไปเจอแดดสักหน่อย เราก็คงจะไม่มีอาการขาดวิตามินดีแน่นอน

แม้ว่าร่างกายของเราต้องการวิตามินดีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่วิตามินดีเป็นวิตามินที่ให้คุณค่าเป็นอย่างมาก โดยวิตามินดีจะเข้าไปบำรุงกระดูกของเราให้แข็งแรงทนทาน ไม่เป็นโรคกระดูกอ่อนหรือกระดูกผุ เพราะว่าวิตามินชนิดนี้จะเข้าไปรักษาระดับของแคลเซียมให้อยู่ในปริมาณที่เป็นปรกติ

หากว่าร่างกายขาดวิตามินดี จะทำให้เราเป็นโรคกระดูก ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกอ่อน หรือ โรคกระดูกผุ นอกจากนี้อาจจะเป็นโรคไตวาย ฟันขึ้นช้า มีอาการเซื่องซึม ไม่สดชื่นอีกด้วย

อาหารที่มีวิตามินดี อยู่มาก ได้แก่ เห็ด น้ำมันตับปลา ปลาทูน่า ปลาซาดีน ปลาแซลมอน เนยเทียม กุ้ง เมล็ดดอกทานตะวัน ไข่ไก่ เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินดี มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่เป็นโรคไต
- ผู้ที่ติดเหล้า
- ผู้ที่เป็นโรคตับ
- ผู้ที่เป็นโรคตับอ่อน
- ผู้ที่ผ่าตัดเอากระเพาะอาหารบางส่วนออกไป
- ผู้ที่มีต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากกว่าปรกติ เนื่องจากไตวาย
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคลำไส้
- ผู้ที่ไม่ค่อยได้รับแสงแดด
- ผู้ที่มีผิวคล้ำหรือดำ

 

11. วิตามินอี (Vitamin E) - โรคผิวหนัง

วิตามินอีเป็นวิตามินที่มีความสำคัญมาก เพราะวิตามินอีเป็นวิตามินที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และช่วยในส่วนของเซลล์ซึ่งเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของคนเรา โดยจะช่วยป้องกันผนังเซลล์ และป้องกันการทำลายเซลล์ต่างๆ นอกจากนี้ วิตามินอียังขึ้นชื่อว่าเป็นวิตามินชะลอความแก่ เพราะเชื่อกันว่า ผู้ที่ได้รับวิตามินอีในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยทำให้เซลล์ผิวมีความอ่อนเยาว์และเปร่งปรั่งอยู่เสมอ

หากว่าเราขาดวิตามินอี เราจะเป็นโรคโลหิตจาง ตับถูกทำลาย หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเป็นหมัน หัวใจเสื่อม กล้ามเนื้อฝ่อ เกิดริ้วรอยต่างๆ ก่อนวัย

อาหารที่มีวิตามินอี อยู่มาก ได้แก่ จมูกข้าวสาลี น้ำมันเมล็ดฝ้าย เฮเซลนนัต เมล็ดดอกทานตะวัน อัลมอนด์ เมล็ดดอกคำฝอย ข้าวสาลีบดทั้งเปลือก เป็นต้น

กลุ่มคนที่ต้องการวิตามินอี มากกว่าคนอื่น เพื่อไปเสริมให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกลุ่มนั้นได้แก่

- ผู้ที่มีปัญหาด้านผิวหนัง
- ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง
- ผู้ที่เป็นโรคตับ
- ผู้ที่เป็นโรคตับอ่อน
- ผู้ที่ผ่าตัดเอากระเพาะอาหารบางส่วนออกไป
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคลำไส้

 

12. วิตามินเค (Vitamin K) - โรคเลือดไม่แข็งตัว หรือ โรคเลือดไหลไม่หยุด

วิตามินเคมีหน้าที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว เป็นลิ่ม เป็นโปรแกรมที่ป้องกันเลือดออกจนหมดตัว ส่วนหน้าที่อื่นๆ ก็มีในเรื่องของการสร้างกระดูกและโปรตีน

หากขาดวิตามินเค เราจะมีปัญหากับน้ำดีที่มีปริมาณน้ำไม่พอที่จะดูดซับไขมัน ซึ่งเป็นตัวทำละลายของวิตามินเค เราก็จะรู้ได้จากการที่เวลาที่เป็นแผลแล้วเลือดหยุดยาก หรือนานกว่าจะหยุด และมีอาการปัสสาวะเป็นเลือด เลือดออกในกระเพาะอาหาร เลือดกำเดาไหลออกง่าย และอาจจะมีจุดเป็นจ้ำๆ ตามตัว และอาจจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือดอีกด้วย

อาหารที่มีวิตามินเค อยู่มาก ได้แก่ ผักโขม กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ ถั่วเหลือง เนยแข็งเชดาร์ คาเมมเบิร์ต ชาเขียว ข้าวโอ๊ต บร็อกโคลี ผักกาดหอม เป็นต้น

 

 

Sources :

http://www.chagrinvalleysoapandsalve.com

http://www.atreyeeimpex.com

http://topicstock.pantip.com

http://buytropicalife.com/

หนังสือ : อุษณีย์ กัลยาณมิตร.  (2550).  วิตามิน และสารอาหารเพื่อสุขภาพดี ชะลอวัย:  กรุงเทพมหานคร. เพชรสีน้ำเงิน

 

 

 

1553 / 5 - 6 Soi Ladprao 43, Ladprao Road, Samsennok Subdistrict, Huaikwang District, Bangkok 10310
TEL : 662 - 511 - 4472, FAX : 662 - 511 - 4472, E - MAIL : welcomewintershampoo@gmail.com
Copyright @ 2013 P.R.Y. JEN (THAILAND) CO.,LTD. All right reserved.